คุยเรื่องงานกับเพื่อนสมัยเรียนอยู่ดีๆ อยู่ๆ เขาก็ถามผมเรื่องปัญหาภาษาอังกฤษที่เราและ
เด็กๆ อนาคตของชาติคืออะไร?// มันเหมือนเป็นประโยคถามความเห็น
แต่เหมือนเพื่อนผมมีคำตอบอยู่ในหัวอยู่แล้ว ผมตอบอะไรไปก็เหมือนถูกแย้งไปหมด O o!
ในตอนแรกผมบอกว่าผมโทษรัฐฯ แต่เพื่อนผมแย้งว่าต้องโทษเด็กเองที่ไม่ตั้งใจ, ซึ่งคุยไปคุยมาผมเลยเงียบ
ในตอนแรกผมบอกว่าผมโทษรัฐฯ แต่เพื่อนผมแย้งว่าต้องโทษเด็กเองที่ไม่ตั้งใจ, ซึ่งคุยไปคุยมาผมเลยเงียบ
และมานั่งนึกเป็นข้อสรุปในแบบที่ผมคิด พอคิดไปคิดมามันกลับมีสาระ น่าจะแชร์ลง Blog ได้
ซึ่งเอาจริง ทั้งหมดมันก็ค่อนข้างตรงกับชีวิตในรั่วมหาฯ ลัย แบบที่รุ่นผมเจอมา
แต่เวลามันผ่านไปละ คิดเสียดายก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร,
แต่เอาประสบการณ์ที่เจอไปบอกอนาคตของชาติรุ่นต่อไปดีกว่า
ผมเห็นด้วยกับที่เพื่อนบอกว่า.. คนไทยชอบโทษคนอื่นไม่โทษตัวเอง
แต่ถ้าเป็นเรื่องภาษาอังกฤษผมคิดต่างว่า.. หน้าที่ปลูกผังควรเริ่มจากภาครัฐ, โรงเรียน และครอบครัว หลักสูตรของไทยมันทำให้เด็กเกลียดภาษา, มีเด็กแค่ 10% ในห้องที่จะชอบ, เด็กไทยบางคน กริยา 3 ช่องเก่งกว่าฝรั่งอีก แต่พอใช้งานจริงไปไม่ถูก T T ช่างน่าเศร้า
และ 4 ข้อที่คิดมาจากชีวิตอันโหดร้ายที่ผมได้เจอมาสกัดออกมาได้ดังนี้
1. เด็กไทยเรียนเก่ง และตั้งใจเรียนมากๆ ก็เยอะ จบวิศวะ, จบบัญชี, หมอ etc, แต่ 80% ไม่ได้ ENG เพราะเพียงแค่ไม่เห็นความสำคัญ และไม่มีใครบอกว่าสำคัญยังไง จบมาแล้วจะได้ใช้จริงหรอ ไม่ใช่ภาษาพ่อแม่ชะหน่อย, เมื่อไม่รู้ความสำคัญ+กับไม่ชอบก็ปล่อยเลยตามเลย จะรู้ตัวก็ตอนสมัครงาน
2. ขาดการชี้แนะ, เพราะเลือกตามที่ชอบโดยที่ผู้ใหญ่บางกลุ่มเออออตามว่า"เด็กมันชอบอะไรก็ ปล่อยมันเรียน" แต่... ไม่เคยบอกเด็กถึงข้อดีข้อเสียให้เด็กฉุกคิดว่า.. ความคิดและความชอบของตัวเองนั่นถูกจริงๆ หรือเปล่า, เด็กเลยเชื่อมั่นตัวเองมากเกินไปพึ่งรู้ตัวอีกทีเรียนจบจากมหาฯ ลัย ออกมา 4ปี กับสาขาเอกดนตรีสากล, โทษใคร? ก็เด็กเขาเลือกเรียนที่ชอบแล้วเขาจะรู้ไหม? ว่าดนตรีเรียนเองก็เก่งได้ (อันนี้ยกตัวอย่างตรงกับใครอย่าโกรธนะ)
การชี้แนะไม่ถือเป็นการบังคับ ถ้าบังคับคือ "ต้องเรียนหมอ ต้องเรียนครู"
3. 4 ปี ชี้อนาคต คนที่อยากเก่ง ENG ลงเรียนเอกภาษาอังกฤษ 4 ปี, พอจบมาพึ่งรู้ว่าจริงๆ ภาษาอังกฤษเรียนเพิ่มเองได้, 4 ปีนี้ควรเรียน skill อื่นให้ตรงสายงานดีกว่าที่อยากทำในอนาคตดีกว่าม ใช้เวลา 4 ปี ได้แค่ใบปริญญาเอกภาษาอังกฤษ, สมัครงานถ้าไม่เฉพาะด้านจริงๆ ก็หางานยาก
4. ผมโทษรัฐฯ ว่าไม่สนับสนุนถึงความสำคัญกับภาษามากพอ, สิ่งที่ผมต้องการคือ ออกแนวบังคับและสนับสนุนให้ใช้งานจริงจัง ปรับเป็นภาษาราชการที่ 2 ได้ยิ่งดี(อาจจะยากแต่คิดว่าดี), และสร้างแรงจูงใจให้รู้สึกว่า ENG สำคัญต่ออนาคตแค่ไหน ปรับปรุงหลักสูตรให้น่าเรียนมากขึ้น แนะแนวการศึกษาต่อ
ผมเห็นด้วยกับที่เพื่อนบอกว่า.. คนไทยชอบโทษคนอื่นไม่โทษตัวเอง
แต่ถ้าเป็นเรื่องภาษาอังกฤษผมคิดต่างว่า.. หน้าที่ปลูกผังควรเริ่มจากภาครัฐ, โรงเรียน และครอบครัว หลักสูตรของไทยมันทำให้เด็กเกลียดภาษา, มีเด็กแค่ 10% ในห้องที่จะชอบ, เด็กไทยบางคน กริยา 3 ช่องเก่งกว่าฝรั่งอีก แต่พอใช้งานจริงไปไม่ถูก T T ช่างน่าเศร้า
และ 4 ข้อที่คิดมาจากชีวิตอันโหดร้ายที่ผมได้เจอมาสกัดออกมาได้ดังนี้
1. เด็กไทยเรียนเก่ง และตั้งใจเรียนมากๆ ก็เยอะ จบวิศวะ, จบบัญชี, หมอ etc, แต่ 80% ไม่ได้ ENG เพราะเพียงแค่ไม่เห็นความสำคัญ และไม่มีใครบอกว่าสำคัญยังไง จบมาแล้วจะได้ใช้จริงหรอ ไม่ใช่ภาษาพ่อแม่ชะหน่อย, เมื่อไม่รู้ความสำคัญ+กับไม่ชอบก็ปล่อยเลยตามเลย จะรู้ตัวก็ตอนสมัครงาน
2. ขาดการชี้แนะ, เพราะเลือกตามที่ชอบโดยที่ผู้ใหญ่บางกลุ่มเออออตามว่า"เด็กมันชอบอะไรก็ ปล่อยมันเรียน" แต่... ไม่เคยบอกเด็กถึงข้อดีข้อเสียให้เด็กฉุกคิดว่า.. ความคิดและความชอบของตัวเองนั่นถูกจริงๆ หรือเปล่า, เด็กเลยเชื่อมั่นตัวเองมากเกินไปพึ่งรู้ตัวอีกทีเรียนจบจากมหาฯ ลัย ออกมา 4ปี กับสาขาเอกดนตรีสากล, โทษใคร? ก็เด็กเขาเลือกเรียนที่ชอบแล้วเขาจะรู้ไหม? ว่าดนตรีเรียนเองก็เก่งได้ (อันนี้ยกตัวอย่างตรงกับใครอย่าโกรธนะ)
การชี้แนะไม่ถือเป็นการบังคับ ถ้าบังคับคือ "ต้องเรียนหมอ ต้องเรียนครู"
3. 4 ปี ชี้อนาคต คนที่อยากเก่ง ENG ลงเรียนเอกภาษาอังกฤษ 4 ปี, พอจบมาพึ่งรู้ว่าจริงๆ ภาษาอังกฤษเรียนเพิ่มเองได้, 4 ปีนี้ควรเรียน skill อื่นให้ตรงสายงานดีกว่าที่อยากทำในอนาคตดีกว่าม ใช้เวลา 4 ปี ได้แค่ใบปริญญาเอกภาษาอังกฤษ, สมัครงานถ้าไม่เฉพาะด้านจริงๆ ก็หางานยาก
4. ผมโทษรัฐฯ ว่าไม่สนับสนุนถึงความสำคัญกับภาษามากพอ, สิ่งที่ผมต้องการคือ ออกแนวบังคับและสนับสนุนให้ใช้งานจริงจัง ปรับเป็นภาษาราชการที่ 2 ได้ยิ่งดี(อาจจะยากแต่คิดว่าดี), และสร้างแรงจูงใจให้รู้สึกว่า ENG สำคัญต่ออนาคตแค่ไหน ปรับปรุงหลักสูตรให้น่าเรียนมากขึ้น แนะแนวการศึกษาต่อ
ให้เด็กได้รับข้อคิด ว่าสิ่งที่เขาเลือกนั้นมีข้อดีข้อเสียยังไงบ้าง
แต่สุดท้ายหากรัฐสนับสนุนเต็มที่แล้วเด็กยังไม่ได้อีกนั่นแหละผมถึงจะโทษว่าเป็นที่ตัวเด็กเอง
สุดท้ายอยากทิ้งท้าย
โลกปัจจุบันถ้าไม่ได้ ENG และไม่เก่งด้านใดเป็นพิเศษงานที่คุณจะได้ก็หนีไม่พ้นงานธุรการง่ายๆ
และข้อต่อรองเงินเดือนก็น้อยตามไปด้วย
ที่สำคัญโอกาสเติบโตในสายงานจะน้อยกว่าคนได้ภาษาบางบริษัทเติบโตไม่ได้เลย
แต่สุดท้ายหากรัฐสนับสนุนเต็มที่แล้วเด็กยังไม่ได้อีกนั่นแหละผมถึงจะโทษว่าเป็นที่ตัวเด็กเอง
สุดท้ายอยากทิ้งท้าย
โลกปัจจุบันถ้าไม่ได้ ENG และไม่เก่งด้านใดเป็นพิเศษงานที่คุณจะได้ก็หนีไม่พ้นงานธุรการง่ายๆ
และข้อต่อรองเงินเดือนก็น้อยตามไปด้วย
ที่สำคัญโอกาสเติบโตในสายงานจะน้อยกว่าคนได้ภาษาบางบริษัทเติบโตไม่ได้เลย